สวัสดีค่ะ ชื่อหยองนะคะ ตอนนี้อายุ 28 ปีแต่ตอนที่ไปร่วมโครงการอาสาสมัครระยะยาวตอนนู่นก็อายุราวๆ 24 ปีได้ J

หยองเข้าร่วมโครงการกับทางองค์กรที่ชื่อว่า Citrus เป็นองค์กรอาสาสมัครที่อยู่ทางใต้ของฝรั่งเศส สำหรับโครงการที่หยองเข้าร่วมนั้นชื่อว่า Service Civique เป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากทางรัฐบาลฝรั่งเศส

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตในต่างประเทศนาน 1 ปี ในช่วงก่อนจะไปก็ทั้งเครียดทั้งกังวลว่าจะอยู่ได้ไหม แต่พอไปถึงแล้วรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาหน่อย เพราะว่าได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากทั้งเจ้าหน้าที่และเพื่อนอาสาสมัครด้วยกันเอง

ในส่วนของการทำงานนั้น หลักๆ เราจะทำงานร่วมกันระหว่างอาสาสมัครกับกลุ่มคนที่มีความท้าทายในการหางาน งานของเราส่วนมาจะทำที่สถานีรถไฟ มีทั้งขัดที่นั่ง ซ่อมกล่องจอดจักรยาน กับทั้งทาสี นอกจากงานนี้แล้วพวกเรายังต้อนรับกลุ่มต่างๆ ที่มาทำงานร่วมกันอีกด้วย งานที่ท้าทายมากๆ คือการทำอาหารสำหรับคนจำนวนมาก เพราะทั้งเครียด ทั้งกดดันที่จะต้องทำอาหารให้ทันเวลา แต่ก็สนุกดีๆ ได้ลองเมนูใหม่ๆ ในทุกๆ วัน ในช่วงก่อนที่เราจะจบโปรเจ็ค เรายังได้ลองมาเป็นผู้นำค่ายอีกด้วย ค่ายนี้เป็นค่ายวัยรุ่น สำหรับค่ายนี้ทำให้เราได้เรียนรู้ที่จะอดทนและยืดหยุ่นในแต่ละสถานการณ์ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เรายังได้ร่วมกับชุมนุมที่ชื่อว่า “Bouge Ta Bogue” หรือที่หมายความว่า “ออกมาจากกรอบ” เป็นชุมนุมที่ทำงานร่วมกับกลุ่มวัยรุ่นในหมู่บ้าน งานส่วนใหญ่จะมีทั้งทริปออกนอกสถานที่ และกิจกรรมเกี่ยวกับวัฒนธรรมต่างๆ

ในส่วนของการใช้ชีวิตนั้น อาสาสมัครทุกคนอยู่รวมกันที่บ้านอาสาสมัคร แบ่งออกเป็น 3 ห้องนอน (ห้องนอนผู้หญิง ห้องนอนผู้ชาย และห้องนอนแขก) บอกตรงๆ ไม่ง่ายเลยที่จะใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเป็นเวลา 1 ปี ทุกวันศุกร์จะมี Mentor หรือพี่เลี้ยงเข้ามาจัดประชุมคอยเคลียร์ปัญหา หรือช่วยจัดการวางแผนชีวิตในอาทิตย์ต่อๆ ไปให้ ปัญหาที่เจอประจำเป็นเรื่องเล็กมากๆ แต่เป็นปัญหาที่เอามาขึ้นที่ประชุมทุกครั้ง นั่นคือเรื่องล้างจาน 1 ปีผ่านไม่ง่ายเลย แต่สุดท้ายเรากลับได้เพื่อนดีๆ ที่รู้จักนิสัยใจคอจริงๆ มาตั้งหลายคน ประสบการณ์หลังจาก 1 ปีนั้น ทำให้เราโตขึ้น (แน่นอนไม่ได้สูงขึ้นนะ หมายถึงโตขึ้นทางการเรียนรู้ 55) เราได้เรียนรู้ที่จะเปิดใจรับคนแปลกหน้าเข้ามาในชีวิต รู้จักปรับตัวและประนีประนอมเมื่อมีเหตุการณ์ยากๆ เข้ามา อีกทั้งมีความมั่นใจมากขึ้นและกล้าที่จะตัดสินใจในเวลาที่จำเป็นอีกด้วย การเป็นอาสาสมัครในครั้งนี้ทำให้เราเรียนรู้จากคนรอบข้างและรู้จักตัวเองให้มากขึ้น J

ภาวิตา ยะสะนพ

Volunteer team in IJGD

ฉันชื่อ น.ส.ภาวิตา ยะสะนพ ชื่อเล่น เบคก้า เป็นอาสาสมัครในโครงการ Weltwärts ประเทศเยอรมันนี เป็นระยะเวลา 12 เดือน ในศูนย์ดูแลคนพิการ โดยองค์กรที่ฉันอยู่นั้นเป็น Day care สำหรับคนพิการที่มีอายุตั้ง 18 ปีขึ้นไป เป็นเหมือนกับสถานที่ที่บุคลเหล่านี้จะได้มาทำงานและใช้ศักยภาพของตัวเองในการทำกิจกรรมต่างๆร่วมกับผู้พิการคนอื่นๆในกลุ่มและในทุกๆวัน จันทร์-ศุกร์ คนพิการเหล่านี้จะมาที่ศูนย์ ในตอนเช้าตั้งแต่เวลา 8.00-15.00 น. เพื่อทำงานร่วมและกิจกรรมร่วมกัน แต่ละกลุ่มจะมีคนพิการจำนวน 8-9 คน และเจ้าหน้าที่ดูแล 3-4 คน สิ่งที่พวกเราทำกันประจำในแต่ละวัน ก็จะเป็นการจัดเตรียมโต๊ะสำหรับมื้ออาหารในตอนเช้า และตอนเที่ยง,กิจกรรมสันทนาการต่างๆ เช่น ร้องเพลง เต้น เล่นเกมส์,งานประดิษฐ์,ทำสวน,ไปซื้อของในซูปเปอร์มาเก็ต ฯลฯ และที่สำคัญคือในแต่ละปี ทุกๆกลุ่มจะมีโปรเจคที่รับผิดชอบและทำร่วมกัน ซึ่งกลุ่มที่ฉันอยู่ทำโครงการเกี่ยวกับประเทศกรีก และกิจกรรมของพวกเราก็จะทำ อาหาร เครื่องดื่ม งานประดิษฐ์ เพลง หรือแม้บริบทโดยรอบเกี่ยวกับประเทศกรีก ซื่งตอนแรกมันไม่ง่ายเลยสำหรับคนที่พึ่งจบมัธยมปลาย และไม่มีความรู้ใดๆเลยในการดูแลและทำงานร่วมกับคนพิการแบบฉัน ซึ่งแน่นอนว่าคนพิการไม่ใช่คนปกติแบบพวกเราที่สามารถทำอะไรๆเองได้แบบพวกเรา จึงต้องมีการดูแลอย่างเช่น ป้อนข้าว ป้อนน้ำ และการเปลี่ยนผ้าอ้อมหรือทำความสะอาดหลังจากเสร็จธุระ ในฐานะอาสาสมัครงานจริงๆก็ไม่ได้จำเป็นที่จะต้องทำทุกอย่าง แค่ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่หลักเวลาที่เค้าต้องการความช่วยเหลือ แต่มันจะยากตรงที่คนพิการแต่ละคนมีความบกพร่องและความต้องการที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งมันต้องใช้เวลาสักระยะนึงในการเรียนรู้ และด้วยปัจจัยอื่นๆอีก เช่น การต้องมาอยู่ด้วยตัวเองในที่ที่ห่างไกลจากบ้าน และครอบครัว ต้องปรับตัวกับสภาพแวดล้อม ยอมรับเลยว่ามันค่อนข้างหนักในช่วงแรกๆ บางครั้งฉันรู้สึกเหนื่อยกับการที่ต้องเปิดรับสิ่งใหม่ๆอยู่ตลอด รู้สึกหมดกำลังใจ หรือไม่แรงผลักดัน ฉันก็มักจะมีคำถามกับตัวเองว่า ฉันมาที่นี่เพื่ออะไร? ฉันต้องการอะไรจากที่นี่? และไม่ว่าจะคิดในมุมไหนมันก็จะออกมาเป็นคำตอบเดียวกันหมด นั่นก็คือ “การเก็บเกี่บวประสบการณ์” ฉันได้เรียนรู้มากมายหลายสิ่งใน 1 ปี ไม่ใช่แค่ในด้านการเป็นอาสาสมัครหรือทักษะการทำงานแค่อย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการท้าทายตัวเองในสิ่งใหม่ๆ, การเอาชนะความกลัวและกล้าที่จะตัดสินใจทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าในชีวิตนี้จะโอกาสได้ทำ, การเข้าใจเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น เพราะการทำงานกับบุคคลเหล่านี้สิ่งสำคัญคือการเปิดใจให้กว้างที่สุด, การทำงานร่วมกับคนอื่นๆในสังคมที่มีความแตกต่างและความหลากหลาย, การใช้ชีวิตด้วยตัวเอง, การเอาชนะและก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆด้วยตัวเอง เพราะ 1 ปีที่ผ่านมา แน่นอนว่ามีอุปสรรคและเรื่องราวต่างๆที่ทำให้ฉันท้อและยากที่ผ่านมันไปได้ และฉันได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดเวลาที่มีอุปสรรคต่างๆเข้ามานั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การรักตัวเองให้มากๆ กอดตัวเองให้แน่นๆ แล้วทุกอย่างมันจะผ่านไป มันอาจจะไม่ง่าย แต่ถ้าทำได้ มันจะเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจที่สุดสำหรับตัวเราเอง สุดท้ายฉันต้องขอบคุณครอบครัวของฉันที่คอยให้กำลังใจ สนับสนุน และคอยอยู่ข้างๆกันตลอดไม่ว่าฉะนจะตัดสินใจทำอะไร ขอบคุณดาหลา ที่สนับสนุนเปิดโอกาสให้ฉันได้มาเรียนรู้ หาประสบการณ์และเปิดโลกกว้างไกลถึงถึงประเทศเยอรมันนี